Posted on Leave a comment

การสมัครใช้งาน Google AdMob

การสมัครใช้งาน Google AdMob

การลงทะเบียน Google AdMob: คู่มือฉบับสมบูรณ์

บทนำ:

  • Google AdMob เป็นแพลตฟอร์มโฆษณายอดนิยมที่ช่วยให้นักพัฒนาแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่สามารถสร้างรายได้จากแอปพลิเคชันของตนโดยแสดงโฆษณาต่อผู้ใช้ แพลตฟอร์มนำเสนอรูปแบบโฆษณาที่หลากหลาย รวมถึงโฆษณาแบนเนอร์ โฆษณาคั่นระหว่างหน้า และโฆษณาวิดีโอตามรางวัล หากคุณเป็นนักพัฒนาแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่ต้องการสร้างรายได้จากแอป คุณต้องลงชื่อสมัครใช้ AdMob ในบทความนี้ เราจะแนะนำคุณตลอดขั้นตอนการลงชื่อสมัครใช้ Google AdMob และให้เคล็ดลับบางอย่างเพื่อช่วยคุณเพิ่มประสิทธิภาพรายได้จากโฆษณา

ส่วนที่ 1: ทำความเข้าใจกับ Google AdMob

  • ในส่วนนี้ เราจะแนะนำ AdMob และ อธิบายว่ามันคืออะไร ทำงานอย่างไร และเหตุใดจึงสำคัญสำหรับนักพัฒนาแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่

ส่วนที่ 2: การเตรียมลงชื่อสมัครใช้ AdMob

  • ก่อนที่คุณจะลงชื่อสมัครใช้ AdMob มีบางสิ่งที่คุณต้องทำ ในส่วนนี้ เราจะแนะนำขั้นตอนต่างๆ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการลงชื่อสมัครใช้ AdMob รวมถึงการสร้างบัญชี Google การตั้งค่าข้อมูลการชำระเงิน และการตรวจสอบว่าแอปของคุณเป็นไปตามนโยบายของ AdMob

ส่วนที่ 3: การลงชื่อสมัครใช้ AdMob

  • สิ่งนี้ ส่วนนี้จะแนะนำคุณตลอดขั้นตอนการลงชื่อสมัครใช้ AdMob เราจะอธิบายวิธีสร้างบัญชี AdMob ลงทะเบียนแอป และตั้งค่าหน่วยโฆษณา

ส่วนที่ 4: การเพิ่มประสิทธิภาพรายได้จากโฆษณา

  • เมื่อคุณลงชื่อสมัครใช้ AdMob แล้ว มีหลายสิ่งที่คุณสามารถทำได้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ รายได้จากโฆษณาของคุณ ส่วนนี้จะให้เคล็ดลับและแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในการเพิ่มรายได้จากโฆษณาของคุณ รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพตำแหน่งโฆษณา การทดสอบรูปแบบโฆษณา และการใช้สื่อกลาง AdMob เพื่อเพิ่มอัตราการส่งโฆษณา

ส่วนที่ 5: การแก้ปัญหา AdMob ทั่วไป

  • แม้จะมีเจตนาที่ดีที่สุด บางครั้งปัญหาอาจเกิดขึ้นขณะใช้ AdMob ในส่วนนี้ เราจะพูดถึงปัญหาทั่วไปบางประการที่นักพัฒนาซอฟต์แวร์อาจเผชิญขณะใช้ AdMob ตั้งแต่ปัญหาการแสดงโฆษณาไปจนถึงการละเมิดนโยบาย และมอบวิธีแก้ปัญหาสำหรับแต่ละปัญหา

สรุป:

Google AdMob เป็นแพลตฟอร์มโฆษณาที่มีประสิทธิภาพที่นำเสนอช่วงต่างๆ ของรูปแบบโฆษณาเพื่อช่วยให้นักพัฒนาสร้างรายได้จากแอปของตน หากคุณต้องการลงชื่อสมัครใช้ AdMob คู่มือนี้จะช่วยคุณในการเริ่มต้นและให้เคล็ดลับที่จะช่วยคุณเพิ่มประสิทธิภาพรายได้จากโฆษณา เมื่อทำตามขั้นตอนที่สรุปไว้ในบทความนี้ คุณก็พร้อมที่จะสร้างรายได้จากแอพมือถือของคุณ

Posted on Leave a comment

สร้างรายได้หลักร้อยโดยใช้คนอื่นทำงานจากการสร้างแอปใน AdMob

https://admob.google.com/

สร้างรายได้หลักร้อยโดยใช้คนอื่นทำงานจากการสร้างแอปใน AdMob

  • ในยุคดิจิทัลในปัจจุบัน การทำเงินออนไลน์กลายเป็นกระแสที่ได้รับความนิยม และหนึ่งในวิธีสร้างรายได้ที่ให้ผลกำไรสูงสุดคือการสร้างรายได้จากแอป ด้วยความนิยมที่เพิ่มขึ้นของอุปกรณ์พกพา ความต้องการแอพมือถือพุ่งสูงขึ้น และคาดว่าตลาดแอพทั่วโลกจะมีมูลค่าสูงถึง 365 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2566 AdMob ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มโฆษณาบนมือถือของ Google กลายเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมมากที่สุด วิธีหาเงินจากการสร้างรายได้จากแอพ ในบทความนี้ เราจะพูดถึงวิธีสร้างรายได้หลายพันดอลลาร์โดยใช้คนอื่นทำงานจากการสร้างแอปใน AdMob

ส่วนที่ 1: ทำความเข้าใจกับ AdMob

  • AdMob เป็นแพลตฟอร์มโฆษณาที่ช่วยให้นักพัฒนาแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่สามารถสร้างรายได้ แอพของพวกเขาผ่านการโฆษณาในแอพ เป็นช่องทางให้นักพัฒนาแอปสร้างรายได้ด้วยการแสดงโฆษณาในแอปของตน AdMob รองรับรูปแบบโฆษณาที่หลากหลาย รวมถึงโฆษณาแบนเนอร์ โฆษณาคั่นระหว่างหน้า และโฆษณาวิดีโอที่มีการให้รางวัล แพลตฟอร์มนี้ใช้เครือข่ายโฆษณาที่กว้างขวางของ Google เพื่อเชื่อมต่อนักพัฒนาแอปกับผู้ลงโฆษณา AdMob ตั้งค่าได้ง่ายและให้ข้อมูลวิเคราะห์โดยละเอียดแก่นักพัฒนาแอปเพื่อติดตามรายได้

ส่วนที่ 2: การสร้างแอป

  • ในการสร้างรายได้จาก AdMob คุณต้องมีแอปที่ผู้คนต้องการใช้ ขั้นตอนแรกในการสร้างแอปคือการคิดไอเดีย คุณสามารถพัฒนาแอพด้วยตัวเองหรือจ้างนักพัฒนาเพื่อสร้างแอพให้คุณ มีเครื่องมือพัฒนาแอพมากมายที่ช่วยให้สร้างแอพได้ง่ายโดยไม่ต้องมีทักษะการเขียนโค้ด เมื่อคุณพัฒนาแอปของคุณแล้ว คุณต้องเผยแพร่แอปนั้นใน App Store App Store ของ Apple และ Google Play เป็น 2 ร้านแอปที่ได้รับความนิยมมากที่สุด และคุณต้องส่งแอปไปยัง Store เหล่านี้เพื่อให้ผู้ใช้สามารถใช้งานได้

ส่วนที่ 3: การสร้างรายได้จากแอป

  • เมื่อแอปของคุณเผยแพร่บน App Store คุณสามารถเริ่มสร้างรายได้โดยใช้ AdMob AdMob มีรูปแบบโฆษณาที่หลากหลายซึ่งคุณสามารถใช้เพื่อแสดงโฆษณาในแอปของคุณได้ ซึ่งรวมถึงโฆษณาแบนเนอร์ โฆษณาคั่นระหว่างหน้า และโฆษณาวิดีโอที่มีการให้รางวัล คุณสามารถเลือกรูปแบบโฆษณาที่เหมาะกับแอปของคุณมากที่สุด และวางโฆษณาในตำแหน่งเชิงกลยุทธ์เพื่อเพิ่มรายได้สูงสุด AdMob ใช้รูปแบบจ่ายต่อคลิก ซึ่งหมายความว่าคุณจะได้รับเงินทุกครั้งที่มีคนคลิกโฆษณาในแอปของคุณ

ส่วนที่ 4: การใช้คนอื่นทำงาน

  • วิธีหนึ่งในการสร้างรายได้หลายพันดอลลาร์จาก AdMob คือการใช้คนอื่นทำงานแทนคุณ คุณสามารถจ้างนักพัฒนาแอปให้สร้างแอปให้คุณ แล้วสร้างรายได้จากแอปเหล่านั้นโดยใช้ AdMob ด้วยวิธีนี้ คุณสามารถสร้างรายได้โดยไม่ต้องพัฒนาแอปด้วยตัวเอง คุณสามารถจ่ายค่าธรรมเนียมคงที่ให้กับนักพัฒนาแอปหรือเสนอรายได้เป็นเปอร์เซ็นต์จากแอปก็ได้ ด้วยวิธีนี้ คุณจะสามารถสร้างแอปได้หลายแอปและสร้างรายได้จากแอปทั้งหมด

ส่วนที่ 5: เคล็ดลับสู่ความสำเร็จ

  • เพื่อเพิ่มรายได้จาก AdMob ให้ได้สูงสุด มีเคล็ดลับสองสามข้อที่คุณสามารถทำตามได้ ขั้นแรก ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแอปของคุณมีคุณภาพสูงและมอบคุณค่าแก่ผู้ใช้ ยิ่งแอปของคุณดีเท่าไหร่ ก็จะยิ่งดึงดูดผู้ใช้ได้มากเท่านั้น และคุณก็จะได้รับเงินมากขึ้นเท่านั้น ประการที่สอง เลือกรูปแบบโฆษณาที่เหมาะสมสำหรับแอปของคุณ โฆษณาแบนเนอร์ทำงานได้ดีสำหรับแอปที่มีพื้นที่หน้าจอมาก ในขณะที่โฆษณาคั่นระหว่างหน้าเหมาะสำหรับแอปที่มีหน้าจอน้อย สุดท้าย เพิ่มประสิทธิภาพโฆษณาของคุณเพื่อรายได้สูงสุด ทดลองกับตำแหน่งและรูปแบบโฆษณาต่างๆ เพื่อดูว่าอะไรดีที่สุดสำหรับแอปของคุณ

สรุป:

  • AdMob เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการสร้างรายได้หลายพันดอลลาร์จากการสร้างรายได้จากแอปของคุณ คุณสามารถสร้างแอพหลายแอพและสร้างรายได้จากแอพทั้งหมดโดยใช้คนอื่นทำงานให้คุณ เพื่อให้ประสบความสำเร็จในการสร้างรายได้จากแอป คุณต้องพัฒนาแอปคุณภาพสูงที่ให้คุณค่าแก่ผู้ใช้และเพิ่มประสิทธิภาพโฆษณาของคุณเพื่อให้ได้รายได้สูงสุด ด้วยกลยุทธ์ที่เหมาะสม คุณสามารถสร้างรายได้หลายพันดอลลาร์จาก AdMob และบรรลุอิสรภาพทางการเงิน 

 

Posted on 2 Comments

ก.มหาดไทย เตรียมออกมาตรการให้คนต่างชาติซื้อที่ดินไทยได้ 1 ไร่

land

เงื่อนไขเปิกทางต่างชาติ ซื้อบ้าน

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุถึง ประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกเข้ามา อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน โดยดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงในไทย ประกาศเมื่อ 25 พฤษภาคม 2565 มีผลบังคับใช้กันยายน 2565 นี้

เพื่อดึงดูดดชาวต่างชาติคุณภาพสูง 4 กลุ่ม ดังนี้

  • กลุ่มประชากรผู้มีความมั่งคั่งสูง
  • กลุ่มผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ
  • กลุ่มที่ต้องการทำงานจากไทย
  • กลุ่มผู้เชี่ยวชาญพิเศษ

ให้สามารถพำนักและทำงานในไทยได้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน ทำให้ไทยมีคนที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเพียงพอให้กับภาคธุรกิจอุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคตที่รัฐบาลมุ่งส่งเสริม สำหรับการให้สิทธิในการถือครองที่ดินของคนต่างชาตินั้น เป็นเพียงมาตรการหนึ่ง เพื่อสร้างแรงจูงใจให้มีการนำเงินมาลงทุนในไทย

 

หลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขการได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนต่างด้าว-กรมที่ดิน

กรมที่ดินอยู่ระหว่างการจัดทำร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขการได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนต่างด้าวตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน โดยการดึงดูดคนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูงประเทศไทย พ.ศ…. ตามมาตรา 96 ทวิ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน มีหลักเกณฑ์สำคัญ ดังนี้

  • ต้องเป็นคนต่างด้าวตามประกาศของกระทรวงมหาดไทยตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดคนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูงสุดประเทศไทย
  • นำเงินมาลงทุนไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท
  • ต้องลงทุนไม่น้อยกว่า 3 ปี ในธุรกิจหรือกิจการประเภทที่กำหนด (เช่น ลงทุนในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ การลงทุนในกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่จัดขึ้นตาม พ.ร.บ. ทรัสต์เพื่อธุรกรรม ในตลาดทุน พ.ศ. 2550)
  • คนต่างด้าวประสงค์ได้ที่ดิน รวมไม่เกิน 1 ไร่และใช้เป็นที่อยู่อาศัย

ส่วนประเด็นเรื่องลดค่าธรรมเนียมการซื้อขายบ้านพร้อมที่ดินหรืออาคารชุดที่มีมูลค่าไม่เกิน 3 ล้านบาท จะได้สิทธิลดหย่อนค่าธรรมเนียมจาก 2% เป็น 0.01% ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย มีผลบังคับใช้ 18 มกราคม ใช้เฉพาะผู้มีสัญชาติไทยเท่านั้น รัฐบาลไม่เคยมีแนวคิดจะให้คนต่างชาติใช้สิทธิเรื่องนี้ 

มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ว่านี้ ดึงดูดชาวต่างชาติที่มีความมั่งคั่งสูง ผู้เกษียณอายุจากต่างชาติ ผู้ที่ต้องการทำงานจากไทยและผู้เชี่ยวชาญพิเศษ มีเป้าหมายภายในปีงบประมาณ 2565-2569 จะช่วยเพิ่มจำนวนชาวต่างชาติที่อาศัยในไทย 1 ล้านคนเพิ่มปริมาณเงินราว 1 ล้านล้านบาท เพิ่มการลงทุน 8 แสนล้านบาทและสร้างรายได้จากการเก็บภาษีที่เพิ่มขึ้น 2.7 แสนล้านบาท คือหนึ่งในมาตรการสำคัญ บู๊ส อัพ เศรษฐกิจไทยกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงุทน ดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงทั่วโลกตามกลยุทธ์ 3 แกน ของประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหม

Posted on Leave a comment

เช็กสิทธิประกันสังคม “ม.33-ม.39”

ประกันตน

เช็กสิทธิประกันสังคม "ม.33-ม.39"  อายุครบ 55 ปี

ประกันตนอายุ55

อย่าลืมเช็กสิทธิและยื่นขอรับบำเหน็จ-บำนาญชราภาพ สามารถแจ้งรับเงินผ่าน พร้อมเพย์ สำหรับผู้ประกันตน ม.33 และ ม.39 ที่อายุครบ 55 ปีและสิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตน

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ได้แจ้งเตือนผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และมาตรา 39 ซึ่งมีอายุครบ 55 ปี และปัจจุบันมีสถานะสิ้นสุดการเป็นผู้ประกันตนแล้ว ให้ตรวจสอบสิทธิการได้รับบำเหน็จ หรือบำเหน็จชราภาพ พร้อมกับยื่นขอรับเงิน ณ สำนักงานประกันสังคมพื้นที่ใกล้บ้าน หรือสำนักงานประกันสังคมจังหวัด

สำหรับช่องทางการตรวจสอบสิทธิและยอดเงินสมทบชราภาพ หากไม่สะดวกเดินทางไปยังสำนักงานประกันสังคม ผู้ประกันตนสามารถตรวจสอบผ่านช่องทางออนไลน์ได้ 3 ช่องทาง คือเว็บไซต์ของ สปส. www.sso.go.th, แอปพลิเคชั่น SSO Connect สามารถดาวน์โหลดได้ทั้ง ระบบ iOSและ Android และ Line Official Account ของ สปส. @ssothai

ทั้งนี้ เมื่อตรวจสอบและทราบสิทธิที่จะได้รับแล้วสามารถยื่นขอรับบำเหน็จ หรือ บำเหน็จชราภาพ ได้ที่สำนักงานประกันสังคมพื้นที่ใกล้บ้าน หรือสำนักงานประกันสังคมจังหวัด โดยใช้เอกสารเป็นบัตรประชาชนตัวจริง และกรอกใบคำขอ สปส. 2-01 หรือ SSO. 2-01 พร้อมแนบสำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารประเภทออมทรัพย์ที่จะรับโอนเงิน แต่หากผู้ประกันตนมีบัญชีพร้อมเพย์ที่ใช้เลขบัตรประชาชนผูกกับบัญชีออมทรัพย์ สามารถแจ้งขอรับเงินผ่านบัญชีพร้อมเพย์ไปพร้อมการยื่นคำร้องได้ โดยไม่ต้องใช้สำเนาสมุดบุญชีธนาคาร (บัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับหมายเลขโทรศัพท์ไม่สามารถใช้ได้)

สำหรับสิทธิของผู้ประกันตนกรณีชราภาพนั้นจะแยกเป็น 2 กรณี ได้แก่

  1. รับบำเหน็จชราภาพ ได้แก่ ผู้จ่ายเงินสมทบน้อยกว่า 12 เดือน ซึ่งจะได้รับเงินบำเหน็จชราภาพเท่ากับจำนวนเงินสมทบเฉพาะส่วนของผู้ประกันตนที่จ่ายให้กับสำนักงานประกันสังคม แต่หากจ่ายเงินสมทบตั้งแต่ 12 เดือนขึ้นไปแต่ไม่ถึง 180 เดือน จะได้รับเงินบำเหน็จชราภาพเท่ากับจำนวนเงินสมทบส่วนของผู้ประกันตน รวมกับส่วนของนายจ้างที่จ่ายเงินสมทบให้และผลประโยชน์ตอบแทนประจำปี
  2. กรณีรับบำนาญชราภาพ ได้แก่ผู้ประกันตนที่จ่ายเงินสมทบตั้งแต่ 180 เดือน จะได้รับเงินบำนาญชราภาพเป็นรายเดือนตลอดชีวิต ในอัตราร้อยละ 20 ของเงินค่าจ้าง(ไม่เกิน 15,000 บาท) เฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย ก่อนความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง และกรณีที่จ่ายเกินกว่า 180 เดือนจะเพิ่มอัตราการจ่ายเงินบำนาญ ให้อีกร้อยละ 1.5 ของระยะเวลาการจ่ายเงินสมทบทุกๆ 12 เดือน

นอกจากนี้ ยังมีกรณีที่ผู้รับบำนาญชราภาพเสียชีวิตลงระหว่างรับบำนาญชราภาพยังไม่ถึง 60 เดือน ที่ทายาทสามารถติดต่อเพื่อรับบำเหน็จชราภาพของผู้ประกันตนได้ โดยสามารถดูข้อเพิ่มเติมได้ที่ www.sso.go.th หรือสอบถามที่สายส่วน สปส. 1506 ตลอด 24 ชั่วโมง

เงินบำนาญ ม33/39
Posted on Leave a comment

รวมคำถามยอดฮิต การประปาส่วนภูมิภาค

น้ำประปาดิื่มได้

วันนี้ แอดมิน ไปจ่ายค่าน้ำประปามาครับ  เลยมาแจ้งข่าวในเรื่องที่หลายคนสงสัยในคุณภาพน้ำประปา หรือการบริการต่างๆ โดยแอดมินได้ รวบรวมคำถามยอดฮิตของ การประปาส่วนภูมิภาค ไว้เพื่อให้ผู้อ่านได้ทราบกันครับ

ขอเป็นผู้ใช้น้ำ กปภ. ต้องทำอย่างไร

ผู้ต้องการใช้น้ำ ติดต่อขอแบบคำขอใช้น้ำประปา ได้ที่สำนักงานประปาทุกแห่ง หรือ Download จากเว็บไซต์ http://www.pwa.co.th/content/service/download/form แล้วยื่นแบบคำขอพร้อมด้วยหลักฐาน ที่สำนักงานประปาในพื้นที่ที่ขอใช้น้ำประปา

หลักฐานที่ต้องนำมาแสดง

  1. บัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรประจำตัวข้าราชการ หรือบัตรประจำตัวพนักงานองค์การของรัฐ และเพื่อความสะดวกรวดเร็วควรถ่ายสำเนาบัตรประชาชน ไปด้วย
  2. สำเนาทะเบียนบ้านที่ขอติดตั้งประปา ซึ่งมีชื่อผู้ขอใช้น้ำประปาเป็นเจ้าของบ้าน หรือเอกสารการขอเลขประจำบ้าน หรือหนังสือสัญญาซื้อขายบ้าน/อาคาร หรือ หนังสือสัญญาเช่าบ้าน/อาคาร (อย่างใดอย่างหนึ่ง) ในกรณี ที่ผู้ขอใช้น้ำไม่มีชื่ออยู่ในบ้านที่จะติดตั้งประปา จะต้องนำสำเนาทะเบียนบ้าน ที่อยู่ปัจจุบันของผู้ขอใช้น้ำมาด้วย

ผู้ขอใช้น้ำประเภทหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และองค์การอื่น ๆ ที่ได้จดทะเบียนมีใบอนุญาตแล้ว ต้องให้หัวหน้าส่วนราชการ องค์การ หรือผู้มีอำนาจตามกฎหมาย เป็นผู้ลงนามในแบบคำขอใช้น้ำประปา และสัญญาการใช้น้ำประปากับ กปภ.

ผู้ขอใช้น้ำประเภทบริษัทจำกัด บริษัทมหาชนจำกัด ห้างหุ้นส่วนจำกัด ห้างหุ้นส่วนสามัญ ธนาคารพาณิชย์ โรงเรียนเอกชน และนิติบุคคลอื่นๆ ให้ผู้จัดการ หรือเจ้าของผู้มีอำนาจตามกฎหมาย เป็นผู้ลงนามในแบบคำขอใช้น้ำประปา และสัญญาการใช้น้ำประปา กับ กปภ.

ผู้ขอใช้น้ำประปาอาจจะทำหนังสือมอบอำนาจให้ผู้อื่น ไปทำการแทนได้ โดยต้องมีผู้ลงนามเป็นพยาน 2 คน และ ปิดอากรแสตมป์ตามกฎหมาย ซึ่งผู้รับมอบอำนาจจะต้องนำหลักฐานตามข้อ 1 และ 2 ของผู้มอบอำนาจไปแสดงด้วย

น้ำที่มีกลิ่นคลอลีนอันตรายหรือไม่

การประปาส่วนภูมิภาคใช้คลอรีนในการฆ่าเชื้อโรคในน้ำประปา เพื่อให้น้ำประปามีคุณภาพได้มาตรฐานน้ำดื่ม และมีความปลอดภัยต่อประชาชน น้ำประปาในบางพื้นที่อาจมีกลิ่นคลอรีนสูง โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ใกล้แหล่งผลิตจ่ายน้ำ แต่ขอให้มั่นใจว่าปริมาณคลอรีนที่ ผสมอยู่ในน้ำประปานั้น อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานตามที่องค์การอนามัยโลกกำหนด กลิ่นคลอรีนในน้ำประปา แสดงถึงความปลอดภัยว่าน้ำประปาที่ส่งมาถึงบ้านท่าน สะอาดปราศจากเชื้อโรคแน่นอน จึงไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพหรือทำให้เจ็บป่วย เมื่อดื่มน้ำประปาอีกด้วย

ท่านไม่คุ้นเคยกับกลิ่นคลอรีนที่เติมในน้ำประปา สามารถแก้ไขได้ง่ายนิดเดียว เพียงแต่นำน้ำประปาใส่ภาชนะที่สะอาด (ไม่ควรปิดฝามิดชิด) ตั้งทิ้งไว้ ประมาณ 1 คืน กลิ่นคลอรีนจะระเหยหมดไป ทั้งนี้ ภาชนะที่รองรับน้ำประปาต้องมี ความสะอาดด้วย จึงจะทำให้น้ำประปาที่เก็บไว้ มีความสะอาดเมื่อนำไปใช้

โครงการน้ำประปาดื่มได้เป็นอย่างไร

น้ำประปาของการประปาส่วนภูมิภาคที่ ผลิตจากโรงกรองน้ำทุกแห่ง มีคุณภาพได้มาตรฐานและสามารถดื่มได้ โดยปราศจากอันตราย ตามเกณฑ์คุณภาพน้ำบริโภคของ องค์การอนามัยโลก (WHO) และเพื่อให้เกิดความมั่นใจยิ่งขึ้น กปภ. จึงรวมกับกรมอนามัย ประกาศรับรองพื้นที่โครงการ น้ำประปาดื่มได้ขึ้นปีละประมาณ 10 แห่ง โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเสริมสร้างให้ประชาชนเกิดความมั่นใจในการบริ โภคน้ำประปามากยิ่งขึ้น

การประกาศรับรองว่าน้ำประปาดื่มได้ จากกรมอนามัยนี้ จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน จากการซื้อน้ำดื่มบรรจุขวด และยังเป็นการลดปริมาณขยะจากขวดพลาสติก ตลอดจนเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในส่วนภูมิภาคอีกด้วย ในการดำเนินโครงการ กรมอนามัยจะเป็นผู้ตรวจสอบวิเคราะห์คุณภาพน้ำประปาของ กปภ. อย่างละเอียด โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดจะเก็บตัวอย่างน้ำประปาบริเวณต้นทาง ที่โรงกรองน้ำ และปลายทางของระบบจ่ายน้ำ หรือ บริเวณสถานที่สาธารณะ เช่น ตลาดสดโรงเรียน สถานที่ราชการ เพื่อนำมาวิเคราะห์คุณภาพ ทางกายภาพเคมี และ แบคทีเรีย แห่งละ 2 ครั้ง ใช้ระยะเวลาห่างกันประมาณ 1-2 เดือน หากคุณภาพน้ำผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้ทั้ง 2 ครั้ง ก็จะประกาศรับรองให้ เป็นพื้นที่น้ำประปาดื่มได้ ซึ่งส่วนใหญ่ จะเป็นพื้นที่ที่ได้ มีการปรับปรุงระบบท่อส่ง-จ่ายน้ำแล้ว

หลังจากประกาศรับรองพื้นที่น้ำประปาดื่มได้แล้ว จะยังคงมีการติดตามเฝ้าระวังคุณภาพน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ คุณภาพน้ำบริโภคอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แน่ใจว่าน้ำประปาในบ้านของผู้ใช้น้ำที่ อยู่ในเขตพื้นที่ น้ำประปาดื่มได้ มีคุณภาพดีตลอดเวลา อย่างไรก็ตามผู้ใช้ น้ำควรหมั่นตรวจสอบระบบท่อ อุปกรณ์ บ่อพักน้ำในบ้านอย่างสม่ำเสมอด้วยว่าอยู่ในสภาพดีตลอดเวลาเช่นกัน

โครงการน้ำประปาดื่มได้

สาเหตุที่น้ำประปาไหลอ่อน

อาจเกิดจากสภาพพื้นที่จ่ายน้ำที่เป็นเนินสูง ต่ำ ไม่เท่ากัน และมีการใช้น้ำประปาพร้อมกันในช่วง เช้า – เย็น จึงทำให้แรงดันน้ำประปาลดต่ำลงและไหลอ่อน หากผู้ใช้น้ำประสบปัญหาน้ำประปาไหลอ่อนผิดปกติ โปรดแจ้งสำนักงานประปาในพื้นที่ ที่ท่านใช้ บริการทราบ

จะรักษาคุณภาพน้ำประปาในบ้านให้ดื่มได้ควรทำอย่างไร

  • หมั่นตรวจสอบท่อประปาและก๊อกน้ำภายในบ้าน หากผุกร่อนเป็นสนิมควรเปลี่ยนใหม่
  • ไม่ควรติดเครื่องปั้มน้ำสูบน้ำโดยตรงจากเส้นท่อ เพราะหากมีท่อแตก-รั่ว เครื่องสูบน้ำจะดูดเอาสิ่งสกปรก เข้าไปในเส้นท่อด้วย
  • เมื่อใช้เครื่องกรองน้ำ ควรทำความสะอาดเครื่องกรองน้ำ ตามที่ระบุไว้ เพราะเครื่องกรองน้ำอาจเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคได้ หากไม่ล้างทำความสะอาดตามข้อแนะนำของผู้ผลิต
  • ควรทำความ สะอาดถังเก็บน้ำหรือบ่อพักน้ำสม่ำเสมอ เพราะอาจมีสิ่งสกปรกเขาไปปะปนอยู่ในถังเก็บน้ำก็ได้

น้ำประปาไม่ไหลควรทำอย่างไร

  • ตรวจดูประตูน้ำทั้งด้านหน้าและด้านหลังมาตร วัดน้ำว่าเปิดอยู่หรือไม่
  • สอบถามเพื่อนบ้านข้างเคียงว่าน้ำประปาไหล หรือไม่
  • สอบถามไปยังสำนักงานประปาในพื้นที่ที่ท่านใช้บริการ
  • ทุกบ้านควรมี ถังเก็บน้ำสำรองไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน ขนาดความจุไม่น้อยกว่า 500-1,000 ลิตร

ทำไมค่าน้ำสูงผิดปกติ

ค่าน้ำสูงผิดปกติอาจเกิดจากการรั่วไหลภายในบ้าน ได้แก่ ท่อแตก-รั่ว อุปกรณ์สุขภัณฑ์รั่วไหลทำให้มาตรวัดน้ำ เดินตลอดเวลา จึงควรหมั่นตรวจสอบโดยการปิดก๊อกน้ำทุกตัว แล้วสังเกตดูการทำงานของมาตรวัดน้ำ หากมาตรยังเดินอยู่ แสดงว่ามีท่อรั่วภายใน ก็ให้รีบติดต่อช่างมาทำการซ่อมแซมแก้ไขโดยเร็ว

กรณีผู้ใช้น้ำไม่ได้พักอาศัยอยู่เป็นประจำ ควรทำการปิดประตูน้ำหลังมาตรวัดน้ำไว้เสมอ หากมีท่อรั่วภายในบ้าน ก็จะไม่ต้องสูญเสียน้ำที่จะทำให้ต้องจ่ายค่าน้ำสูงขึ้น

การชำระค่าน้ำประปา

ช่องทางการชำระค่าน้ำประปาซึ่งขึ้นอยู่กับความสะดวกสบายของลูกค้า

  • สำนักงานประปาในพื้นที่ใช้บริการ ตั้งแต่วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30-15.30 น. (ป.บางสาขาเปิดให้บริการในวันหยุดด้วย ซึ่งลูกค้าสามารถตรวจสอบได้ที่ ป.ในพื้นที่)
  • หักบัญชีเงินฝากธนาคาร 14 แห่งทั่งประเทศ ได้แก่ ธ.กรุงเทพ ธ.ไทยพาณิชย์ ธ.กรุงศรีอยุธยา ธ.ทหารไทย ธ.นครหลวงไทย ธ.กรุงไทย ธ.กสิกรไทย ธ.ธนชาต ธ.ยูโอบี ธ.อิสลาม ธ.ทิสโก้ ธ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ธ.เพื่อการเกษตรและสหกรณ์(ธกส.) ธ.ซีไอเอ็มบี ไทย
    Download แบบฟอร์มได้ที่นี่ 
  • ผ่านตัวแทนชำระค่าน้ำประปาตามจุดบริหารต่างๆ ได้แก่ 7-Eleven TESCO LOTUS “PAY AT POST” “JUST PAY” “JAY MART PAY POINT” True Money/True Express “PAY STATION” 108 shop
  • ชำระผ่านตู้ ATM ธ.ไทยพาณิชย์ทั่วประเทศ
  • ผ่านเคาน์เตอร์ธนาคารไทยพาณิชย์
  • ผ่านเคาน์เตอร์ธนาคารกรุงไทย
  • ผ่านเคาน์เตอร์ธนาคารทหารไทย
  • ผ่านเคาน์เตอร์ธนาคารกรุงศรีอยุธยา

หมายเหตุ ในข้อ 2 – 8 ผู้ใช้น้ำเป็นผู้ชำระค่าธรรมเนียมในอัตรา 10 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว) ต่อ 1 ใบแจ้งหนี้ค่าน้ำประปา  Website : https://new.pwa.co.th/contents/eservice

ขอรับเงินค่าประกัน การใช้น้ำประปาคืน

หลักฐานที่จะต้องนำไปแสดงเพื่อขอรับเงินค่าประกัน การใช้น้ำประปาคืน มีดังนี้

  • สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรประจำตัว ข้าราชการ หรือบัตรประจำตัวพนักงานองค์การของรัฐของผู้ใช้น้ำ
  • ใบเสร็จค่าประกันการใช้น้ำประปา (ถ้ามี)
  • ใบเสร็จค่าน้ำประปาครั้งสุดท้าย หรือสำเนา (ถ้ามี)

ผู้ใช้น้ำประปาอาจจะทำหนังสือมอบอำนาจให้ผู้อื่น ไปทำการแทนได้ โดยต้องมีผูลงนามเป็นพยาน 2 คน และปิดอากรแสตมป์ตามกฎหมาย ผู้รับมอบอำนาจจะต้องนำหลักฐาน ตามข้อ 1-3 และหลักฐานของผู้รับมอบอำนาจไปแสดงด้วย เมื่อท่านนำหลักฐานดังกล่าวไปแสดงต่อสำนักงาน ประปาในพื้นที่ ของท่านและเขียนคำร้องขอเลิกใช้น้ำประปา สำนักงานประปา จะตรวจสอบดูว่าท่านมียอดค้างชำระค่า น้ำประปาอยู่หรือไม่ หากไม่มีค่าน้ำประปาค้างชำระก็จะได้รับเงินประกันการใช้น้ำคืนเต็มตามจำนวน แต่หากมี ค่าน้ำค้างชำระ สำนักงานประปาจะหักจากเงินประกันการใช้น้ำและคืนเงินในส่วนที่เหลือ (ถ้ามี) ให้แก่ผู้ใช้น้ำ

ข้อควรระวังเมื่อใช้น้ำประปา

    • การละเมิดการใช้น้ำประปา เช่น การต่อท่อประปาตรงโดยไม่ผ่านมาตรวัดน้ำ/การลักใช้น้ำ ตลอดจนการกระทำใดๆ ที่ทำให้มาตรวัดน้ำ วัดค่าผิดไปจากการใช้น้ำประปาจริงๆ เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย เท่ากับเป็นการลักทรัพย์และ ทำให้เสียทรัพย์ของ กปภ. ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐ ผู้ละเมิดจะถูกดำเนินคดีฟ้องร้องทั้งทางแพ่ง และทางอาญา
    • กรณีมาตรวัดน้ำชำรุดหรือต้องการย้ายมาตรวัดน้ำ ผู้ใช้น้ำต้องแจ้งให้สำนักงานประปาทราบโดยเร็วที่สุด เพื่อสำนักงานประปา จะได้เข้าไปทำการซ่อมแซมแก้ไขต่อไป
    • หากพบข้อชำรุด/บกพร่อง เช่น การแตกรั่วขอเส้นท่อภายนอกมาตรวัดน้ำ โปรดแจ้งให้สำนักงานประปาทราบ เพื่อที่จะได้ทำการแก้ไขต่อไป
    • ผู้ใช้น้ำไม่ควรติดตั้งปั๊มน้ำโดยตรงจากเส้นท่อ ควรปล่อยให้น้ำประปาลงบ่อพักน้ำเสียก่อน แล้วจึงสูบน้ำขึ้น จากบ่อพักไปใช้ การติดตั้งปั๊มน้ำ โดยตรงจากเส้นท่อ อาจทำให้ท่อ และมาตรวัดน้ำชำรุดได้ง่าย รวมทั้งเป็นการทำให้ผู้ใช้น้ำรายอื่นเดือดร้อนด้วย การมีถังหรือบ่อพักน้ำสำรองในบ้าน ประมาณ 500 – 1,000 ลิตร จะทำให้เกิดความมั่นใจว่า ท่านมีน้ำประปาใช้ตลอดเวลา ถึงแม้จะมีท่อประปาแตกอยู่นอกบ้านก็ตาม
    • ผู้ใช้น้ำจะต้องไม่กระทำการซ่อมแซม แก้ไข ดัดแปลง หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดกับมาตรวัดน้ำ ประตูน้ำ ( วาล์ว ) หรือท่ออุปกรณ์นอกมาตรวัดน้ำเป็นอันขาด
    • กรณีที่ลวดหรือวัตถุใดๆที่ กปภ. ได้ทำการตีตราผนึกไว้ที่ตัวมาตร หรือประตูน้ำ เกิดชำรุดเสียหายหรือสูญหายไป รวมทั้งตัวมาตรวัดน้ำ ไม่ว่าจะเกิดขึ้นเพราะจงใจหรือประมาทเลินเล่อของผู้ใดก็ตาม ผู้ใช้น้ำ จะต้องแจ้งให้สำนักงานประปาทราบโดยเร็วที่สุด อย่างช้าไม่เกิน 3 วัน
    • ผู้ใช้น้ำจะต้องชำระเงินค่าน้ำ ค่าบริการอื่นๆและค่าเสียหายทันทีที่พนักงาน กปภ. ได้นำใบเสร็จรับเงิน หรือใบแจ้งหนี้ขอเก็บเงิน มิฉะนั้นผู้ใช้น้ำจะต้องนำเงินไปชำระที่สำนักงานประปา ภายในเวลาที่กำหนดไว้ในหนังสือเตือน หากพ้นกำหนด ผู้ใช้น้ำยังไม่ไปชำระ กปภ. จะงดจ่ายน้ำ ( ตัดมาตรวัดน้ำ )
    • การชำระค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมใดๆ ผู้ใช้น้ำจะต้องขอรับใบเสร็จรับเงินจากเจ้าหน้าที่ผู้รับเงินไว้เป็นหลักฐานทุกครั้ง
  • เมื่อมีกลุ่มบุคคลใดมาติดต่อรับจ้างดัดแปลงหรือแก้ไขมาตรวัดน้ำหรืออุปกรณ์ประกอบ โปรดแจ้งให้ สำนักงานประปาในพื้นที่ของผู้ใช้น้ำทราบทันที ทั้งนี้เพื่อเป็นการช่วยกันรักษาผลประโยชน์ และทรัพย์สินของทางราชการ สำหรับกลุ่มบุคคลที่อ้างตนเป็นพนักงาน กปภ. มาติดต่อกับผู้ใช้น้ำครั้งใดก็ตาม ขอให้ผู้ใช้น้ำตรวจสอบหนังสือแนะนำตัว ของพนักงานในการเข้ามาตรวจสอบมาตรวัดน้ำ เช่น บัตรประจำตัวพนักงาน กปภ. โดยการจดเลขที่บัตร ชื่อ สกุลไว้ ก่อนที่จะให้พนักงานเข้าทำการตรวจสอบมาตรวัดน้ำ ทั้งนี้เพื่อป้องกันการกล่าวอ้างเป็นพนักงาน กปภ.

ขอขอบคุณข้อมูลจาก :

คำถามยอดฮิต 

https://new.pwa.co.th/contents/faq

Posted on Leave a comment

เงินเฟ้อคืออะไร ?

เงินเฟ้อ

จากข้อมูลของ ธนาคารแห่งประเทศไทย อธิบายและวิเคราะห์ดังนี้

เงินเฟ้อ คือ การวัดว่าราคาของสินค้า (เช่น อาหาร เสื้อผ้า ) และบริการ (เช่น ค่าเช่าบ้าน ค่ารักษาพยาบาล) เพิ่มขึ้นเท่าไรเมื่อเวลาผ่านไป

โดยทั่วไปเราจะวัดเงินเฟ้อโดยการเปรียบเทียบราคาของสินค้าและบริการในวันนี้กับราคาเมื่อ 1 ปีก่อนหน้า สำหรับค่าเฉลี่ยของการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าและบริการต่าง ๆ เรียกว่า “อัตราเงินเฟ้อ”

ดังนั้น หากอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 3% แปลว่าราคาโดยเฉลี่ยในปัจจุบันสูงกว่าราคาในปีที่แล้วอยู่ 3% ตัวอย่างเช่น ถ้าข้าวสารหนึ่งถุงราคา 100 บาทในปีที่แล้ว และราคาเพิ่มเป็น 103 บาทในปีนี้ แปลว่าราคาเพิ่มขึ้น 3%

อัตราเงินเฟ้อวัดได้อย่างไร ?

ทุกเดือน กระทรวงพาณิชย์จะเก็บข้อมูลราคาสินค้าและบริการจำนวน 430 รายการ มาคำนวณเป็นดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index: CPI) การเพิ่มขึ้นของดัชนีราคาผู้บริโภคเทียบกับปีก่อน คืออัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่ ธปท. ใช้เป็นเป้าหมาย

เงินเฟ้อสูงในไทย เมื่อไหร่ถึงเรียกว่าน่ากังวล?

สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ วิเคราะห์ว่า เงินเฟ้อไทยเร่งตัวขึ้นในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาสูงถึง 5% ปัจจัยหลักมาจากราคาพลังงานที่พุ่งขึ้นจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน หลายท่านอาจมีคำถามว่า ภาวะเงินเฟ้อสูงนี้จะยืดเยื้อไปอีกนานเท่าไหร่? ธนาคารกลางจะสามารถช่วยบรรเทาเรื่องค่าครองชีพที่สูงขึ้นได้ไหม? และสถานการณ์เงินเฟ้อตอนนี้ เรียกได้ว่าน่ากังวลแล้วหรือยัง?

ภาวะเงินเฟ้อสูงนี้จะยืดเยื้อไปอีกนานเท่าไหร่?

ธปท. คาดว่าเงินเฟ้อไทยจะอยู่ในระดับสูงในปีนี้ ก่อนจะลดเข้าสู่กรอบเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 1-3% ในปีหน้า เนื่องจากเงินเฟ้อไทยครั้งนี้ล้วนเกิดจากปัจจัยด้านอุปทาน (cost-push inflation)

ที่ส่งผลจำกัดอยู่ในหมวดอาหารและพลังงานเป็นส่วนใหญ่ หากเราพิจารณาข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ในเดือนที่ผ่านมา จะพบว่ามีราคาสินค้าและบริการเพียง 14% จากทั้งหมด 430 รายการที่มีการขึ้นราคาสูงกว่าปกติ

เงินเฟ้อประเภทนี้ มักคลี่คลายได้เองตามกลไกของตลาด เห็นได้จากราคาเนื้อหมูที่เริ่มลดลงตั้งแต่เดือน กพ. จากปัญหาโรคระบาดอหิวาต์แอฟริกาในสุกรที่ทุเลาลง และถึงแม้ว่าราคาอาหารสำเร็จรูปจะแพงขึ้นตามไปบ้างแล้ว แต่การส่งผ่านของต้นทุนนี้ไม่น่าจะทำได้มาก เนื่องจากเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่

ส่วนราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับสูงขึ้นมากตามปัจจัยโลก ก็มีแนวโน้มลดลงในช่วงปลายปีนี้ หากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนคลี่คลาย และอุปทานน้ำมันเพิ่มขึ้นตามการระบายน้ำมันดิบจำนวนมากออกมาจากคลังสำรองน้ำมันเชิงยุทธศาสตร์

ธนาคารกลางจะสามารถช่วยบรรเทาเรื่องค่าครองชีพที่สูงขึ้นได้ไหม?

เมื่อเงินเฟ้อเกิดจากฝั่งอุปทานและเป็นเหตุการณ์ชั่วคราว บทบาทของธนาคารกลางในการรับมือกับเงินเฟ้อประเภทนี้จึงมีอยู่จำกัด การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ ธปท. ไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องอุปทานได้ มิหนำซ้ำ อาจทำให้ภาวะการเงินตึงตัวเร็วไปจนทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสะดุดลง โดยเฉพาะไปซ้ำเติมกลุ่มคนมีรายได้น้อยที่อาจมีปัญหาเรื่องหนี้ครัวเรือนสูงอยู่แต่เดิม และยังต้องแบกรับผลกระทบจากค่าครองชีพที่สูงขึ้นมากกว่าคนกลุ่มอื่น (กลุ่มคนรายได้น้อยมีสัดส่วนการบริโภคอาหารและน้ำมันสูงกว่ากลุ่มคนรายได้สูงประมาณ 17%)

ถามว่าเมื่อไหร่ที่นโยบายการเงิน ควรมีบทบาทในการช่วยลดทอนเงินเฟ้อ? หากเศรษฐกิจฟื้นตัวแล้วและเงินเฟ้อสูงขึ้นตามความต้องการบริโภค (demand-pull inflation) การขึ้นดอกเบี้ยถือได้ว่าเป็นเครื่องมือสำคัญในการช่วยลดความร้อนแรงของเศรษฐกิจ อย่างเช่นที่เกิดขึ้นในกรณีของประเทศสหรัฐฯ ที่เผชิญ pent-up demand และตลาดแรงงานตึงตัวมาก อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยยังไม่เข้าข่ายเงินเฟ้อในลักษณะนี้ เพราะไทยจะฟื้นตัวจากวิกฤตเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ดังนั้น การดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย และการใช้มาตรการเฉพาะจุดโดยภาครัฐเพื่อดูแลปัญหาค่าครองชีพ เช่น การอุดหนุนราคาน้ำมันและก๊าซหุงต้ม จึงยังจำเป็นเพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง

สถานการณ์เงินเฟ้อตอนนี้ เรียกได้ว่าน่ากังวลแล้วหรือยัง?

เงินเฟ้อที่มาจาก cost-push และ demand-pull ไม่ได้นับว่าเป็นเงินเฟ้อที่น่ากังวล เพราะเกิดขึ้นได้เป็นปกติจากความไม่สมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทาน แต่หากมีหลายเหตุการณ์เกิดขึ้นพร้อม ๆ กันในลักษณะ Perfect storm เช่น เงินบาทอ่อนค่า ค่าจ้างขั้นต่ำปรับขึ้นแรง มาตรการภาครัฐไม่สามารถช่วยตรึงราคาน้ำมันดีเซล ก๊าซหุงต้ม และปัจจัยการผลิตอื่น ๆ ได้แล้ว ต้นทุนสินค้าและวัตถุดิบย่อมปรับสูงขึ้นมาก อีกทั้งหากมีนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับเข้ามาเป็นจำนวนมากจนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคฟื้นตัว ผู้ประกอบการก็จะสามารถส่งผ่านต้นทุนได้ง่ายขึ้น ทำให้ราคาสินค้าและบริการปรับเพิ่มขึ้นเป็นวงกว้าง ในกรณีนี้ ธปท. อาจต้องปรับน้ำหนักที่ให้ระหว่างเป้าหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจกับเป้าหมายเงินเฟ้อ โดยเพิ่มน้ำหนักที่ให้กับการดูแลเสถียรภาพราคาในระยะยาว และพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในจังหวะที่เหมาะสม

แต่หากสถานการณ์ที่น่ากังวลไปกว่านั้นคือ เงินเฟ้อที่สูงต่อเนื่องจนทำให้ครัวเรือนกับภาคธุรกิจเริ่มปรับเงินเฟ้อคาดการณ์ (inflation expectations) สูงขึ้น จนส่งผลต่อพฤติกรรมการกำหนดราคาสินค้าและค่าจ้างของผู้ประกอบการ ดังเช่นที่เคยเกิดขึ้นในวิกฤตน้ำมันแพงช่วงปี 1970 ที่นำไปสู่ปัญหา wage-price spiral ตามมา นั่นคือ แรงงานไปต่อรองให้ค่าจ้างของตนสูงขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการต้องขึ้นราคาสินค้าตามต้นทุนค่าจ้างที่เพิ่มขึ้น ซึ่งในท้ายที่สุด ก็ย้อนกลับมากระทบค่าครองชีพอีกครั้ง

เงินเฟ้อในลักษณะนี้ถึงแม้มีโอกาสเกิดค่อนข้างน้อย เนื่องจากตลาดแรงงานต้องตึงตัวมาก ประกอบกับอำนาจการต่อรองของแรงงานไทยยังมีน้อย แต่หากเกิดขึ้นแล้ว จะส่งผลให้เงินเฟ้อค้างสูงเป็นเวลานาน เนื่องจากเป็นเงินเฟ้อที่ฝังลึกเข้าไปในการคาดการณ์ ความรู้สึก และพฤติกรรมของประชาชน ยากที่จะคลี่คลายเองได้ ดังนั้น ในกรณีนี้ นโยบายการเงินอาจต้องใช้ยาแรงเพื่อดึงให้เงินเฟ้อปรับลดลงมาอีกครั้ง

เงินเฟ้อคาดการณ์ระยะสั้น
รูปแสดงเงินเฟ้อคาดการณ์ของไทยในช่วงราคาน้ำมันสูง 2019-2022 และ 2007-2008 ตามลำดับ

หากเงินเฟ้อออกนอกกรอบเป้าหมาย ธปท. ต้องทำอย่างไร ?

ถ้าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปไม่อยู่ในกรอบเป้าหมาย 1-3% ธปท. ต้องอธิบายเหตุผลกับรัฐบาลและประชาชน ผ่านทางจดหมายเปิดผนึก

ในข้อตกลงร่วมกันระหว่างคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังระบุว่า หากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 12 เดือนที่ผ่านมา หรือประมาณการอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 12 เดือนข้างหน้า ออกนอกกรอบเป้าหมาย กนง. จะต้องเขียนจดหมายเปิดผนึกถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อชี้แจงเหตุผลของการออกนอกกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อ วิธีทำให้อัตราเงินเฟ้อกลับเข้าเป้า และระยะเวลาที่คาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะกลับเข้าเป้า

กนง. ต้องเขียนจดหมายเปิดผนึกทุก 6 เดือน จนกว่าการติดตามอัตราเงินเฟ้อทั้ง 2 วิธีข้างต้นจะกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมาย

กนง. เผยแพร่จดหมายเปิดผนึกจาก กนง. ถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

สรุปว่า 

ข้อมูลเงินเฟ้อคาดการณ์ในระยะยาว (5-10 ปี) ที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย ติดตามถือว่า ยังไม่มีสัญญาณที่น่ากังวล…..

ปัจจุบัน ค่าเงินเฟ้อ มีค่า :

  • อัตราเงินเฟ้อทั่วไป พ.ค. 65
    7.10%
    กรอบเป้าหมาย 1–3%

 แต่ แต่ …..ผลตอบแทนฝากเงินมันไม่ทันอัตราเงินเฟ้อครับ เราจึงไม่ควรเอาเงินไว้เฉยๆ หรือฝากเงินในที่ดอกเบี้ยต่ำ ยกเว้น ฝากเพื่อเป้าหมายบางอย่าง อย่างเงินสำรองฉุกเฉิน อันนี้ควรฝากธนาคารครับ เพราะมีสภาพคล่องสูง ถอนง่าย ทันใช้เวลาฉุกเฉิน

การวางแผนเกษียณ “ชีวิตหลังเกษียณ” อนาคตจะสุขหรือทุกข์ เป็นสิ่งที่ตัวเราวันนี้เป็นผู้กำหนด การวางแผนเกษียณ จึงเป็นสิ่งที่ทุกคนควรให้ความสำคัญตั้งแต่เนิ่นๆ มาเตรียมพร้อมกันเถอะครับ

ขอขอบคุณ ข้อมูลจาก

  1. ดร.พิม มโนพิโมกษ์
    ฝ่ายนโยบายการเงิน
    ดร.นุวัต หนูขวัญ
    สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์

คอลัมน์ “แจงสี่เบี้ย” นสพ. กรุงเทพธุรกิจ
ฉบับที่ 10/2565 วันที่ 10 พ.ค. 2565

2. ธนาคารแห่งประเทศไทย

https://www.bot.or.th/Thai/MonetaryPolicy/Pages/OverviewInflation.aspx